โครงงาน...

กลุ่มที่ 10

สมาชิกกลุ่ม
นายนิธิภัทร์ ตันติเจริญวิวัฒน์ เลขที่ 5
นายศุภวิชญ์ สันติวิทยารมย์ เลขที่ 6
นางสาวมุฑิตา เพชรเมืองใหม่ เลขที่ 28
ม.5/12

วิธีดำเนินการ

1. ประชุมปรึกษา เสนอความคิดเห็น และร่วมกันคัดเลือกเรื่องที่จะทำโครงงาน
2. มอบหมายหน้าที่ใก้กับสมาชิกในกลุ่มและเริ่มหาข้อมูลเพื่อใช้ในการทำโครงงาน
         ศึกษาเรื่องปัญหาสุขภาพ
         ทำแบบสำรวจพฤติกรรมสุขภาพ
         ศึกษาโปรแกรมที่ใช้ในการทำสื่อเว็บไซต์ เช่น Dreamweaver Appserv
         ศึกษาออกแบบเว็บไซต์
         ศึกษาวิธีการติดต่อฐานข้อมูล PHP
         ศึกษาวิธีเขียนคำสั่ง HTML
3. รวบรวมข้อมูลที่ได้จากการศึกษาค้นคว้า นำมาวิเคราะห์และเลือกใช้ส่วนที่สำคัญ
4. เขียนเค้าโครงโครงงาน
5. นำเค้าโครงของโครงงานไปปรึกษาและขอคำแนะนำจากอาจารย์
6. นำข้อเสนอแนะหรือข้อติชมที่ได้รับจากอาจารย์ประจำวิชา มาปรับปรุง พัฒนา และแก้ไขโครงงานให้ดีขึ้น
7. ลงมือทำเว็บไซต์
8. นำเสนอและแก้ไขปรับปรุงชิ้นงาน

ผลการดำเนินการ

จากการที่ศึกษาเกี่ยวกับโครงงานชิ้นนี้  ได้รับ
1. ความรู้เกี่ยวความสามัคคี
2. กระบวนการทำงานกลุ่ม
3. การใช้โปรแกรมในการทำเว็บไซต์
4. การออกแบบเว็บไซต์
5. การติดต่อฐานข้อมูล PHP
6. วิธีเขียนคำสั่ง HTML

แหล่งเรียนรู้

ศึกษาการทำเว็บไซต์ จาก ครูกิติมา เพชรทรัพย์ และความรู้ที่ได้มาพัฒนาให้ดีมากขึ้น
ศึกษาจากเว็บไชต์ทางอินเตอร์เน็ต และ ยูทูป และช่องทางอื่นๆ

หลักฐานประกอบ

ศึกษาวิธีการทำจาก Youtube




ปัญหาการสร้างเสริมสุขภาพของประชาชนในชุมชนเมือง

ปัญหาการสร้างเสริมสุขภาพของประชาชนในชุมชนเมือง 

1.ปัญหาการดูแลรักษาความสะอาด 
ชุมชนเมืองมีประชากรหนาแน่นมากตามความเจริญของเมืองสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ เปลี่ยนแปลงไปขาดความสมดุลตามธรรมชาติเนื่องจากมนุษย์ได้สร้างเครื่องมือเครื่องใช้เพื่อประกอบการและอำนวยความสะดวก สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติถูกทำลายด้วยสิ่งที่มนุษย์ได้สร้างขึ้นมาแทน  ทำให้มนุษย์ต้องสูญเสียสิ่งที่ช่วยสร้างสุขภาพและอนามัยของชุมชนบางส่วนไปและเกิดโทษตามมาแทนการดำรงชีพของชุมชนในเมืองเปลี่ยนไปพึ่งอุตสาหกรรม สิ่งแวดล้อมทางเศรษฐกิจและสังคมทำให้วิถีชีวิตของคนในชุมชนเมือง ต่างพึ่งตนเองต้องแข่งขันในทางเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อมในเมืองกำลังจะเต็มไปด้วยสิ่งมีพิษและอันตรายต่อชีวิต
2.ปัญหาการรักษาฟันให้แข็งแรง และแปรงฟันทุกวันอย่างถูกต้อง และ ปัญหาล้างมือให้สะอาดก่อนกินอาหารและหลังการขับถ่าย และการออกกำลังกาย
เนื่องจากคนที่อยู่ในชุมชนเมืองเต็มไปด้วยความเร่งรีบ และการแข่งขัน จึงทำให้ละเลยในการรักษาสุขภาพของฟัน เช่น การไปพบทันตแพทย์ปีละสองครั้ง หรือ การแปรงฟันหลังอาหาร รวมทั้งละเลยในการล้างมือ ก่อนรับประทานอาหาร ละเลยการออกกำลังกาย อีกทั้งในเมืองไม่มีสถานที่ในการออกกำลังกายที่เหมาะสมและเพียงพอต่อความต้องการ
3.ปัญหาการรับประทานอาหาร 
คนที่ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองมักประสบปัญหาความเครียด คนที่เครียดเรื้อรังจะมีปัญหาการรับประทานอาหารได้ 3 รูปแบบกล่าวคือ
·       น้ำหนักเกิน เนื่องจากเมื่อเกิดความเครียดผู้ป่วยจะรับประทานอาหารเค็ม มัน หวานเพื่อไปต่อสู้กับความเครียด และทำให้เกิดลักษณะอ้วนลงพุง
·       น้ำนักลดลงเนื่องจากเบื่ออาหาร
·       มีการรับประทานอาหารผิดปกติ เช่น Anorexia nervosa and bulimia nervosa
คนที่อาศัยอยู่ในเมืองมักจำเป็นต้องใช้จ่ายอย่างประหยัดเนื่องจากค่าครองชีพสูงทำให้ไม่สามารถซื้ออาหารที่มีคุณภาพซึ่งมีราคาสูงได้ รวมทั้งค่านิยมการรับประทานอาหารจำพวก fast food  ของคนในชุมชนเมือง
4.ปัญหา บุหรี่ สุรา สารเสพย์ติด การพนัน และการสำส่อนทางเพศ
ปัญหาสิ่งแวดล้อมทางสังคม ที่นำไปสู่การใช้ยาเสพติด ของเด็กและเยาวชนทั้งที่อยู่ในแหล่งเสื่อมโทรมหรือแหล่งอื่น ๆ ได้แก่ ปัญหาทางเศรษฐกิจที่ครอบครัวมีรายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย เพราะไม่มีความมั่นคงทางอาชีพ เป็นแรงงานนอกระบบไม่มีกฎหมายคุ้มครอง ปัญหาสาธารณสุข สุขภาพอนามัยเสื่อมโทรม อันเป็นผลมาจากสิ่งแวดล้อมที่เป็นมลพิษในชุมชน ปัญหาการติดเชื้อโรคเอดส์ ปัญหาสังคมอื่น ๆ ปัญหาความแตกแยกในครอบครัว ปัญหาการค้าประเวณี และปัญหาแหล่งอบายมุข ประเภทต่าง ๆ ที่มีอยู่ ปัญหาเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งแวดล้อมทางสังคม ที่มีส่วนในการผลักดันเด็กและเยาวชนหันเข้าหายาเสพติดทั้งสิ้น
5.ปัญหาความสัมพันธ์ในครอบครัว
ปัจจุบัน คู่สมรสในเมืองที่แต่งงานใหม่ นิยมที่จะแยกอยู่ลำพัง เป็นครอบครัวเดี่ยว มีอิสระ ไม่ต้องเป็นที่เพ่งเล็งของญาติผู้ใหญ่ และคิดว่าสามารถจะประคองชีวิตครอบครัวของตัวเองให้ประสบความสำเร็จได้ เมื่อมีลูกก็คิดว่าจะเลี้ยงด้วยตัวเอง เลี้ยงแบบสมัยใหม่ ในขณะที่คู่สมรสบางคู่ยังอยู่ในครอบครัวเดิมที่อบอุ่น มี ปู่ ย่า ตา ยาย ช่วยดูแลหลาน ๆ มีความเข้าใจกัน ในครอบครัวก็มี จากประสบการณ์ในการทำงานที่แผนกผู้ป่วยนอก ศูนย์สุขวิทยาจิต พบว่า เด็กที่มีปัญหาทางอารมณ์มาจากครอบครัวเดี่ยว และครอบครัวขยาย ในจำนวนใกล้เคียงกัน แต่เมื่อศึกษาถึงสาเหตุของปัญหาเนื่องมาจากการสื่อสารในครอบครัวเป็นสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งการสื่อสารที่แสดงถึงการตำหนิติเตียน ความไม่พอใจ ซึ่งเป็นทางลบมากกว่าการแสดงออกทางบวก
6.ปัญหาอุบัติภัย
ในสังคมเมืองนั้นเกิดอุบัติภัยมากมายหลายรูปแบบ สำหรับในชุมชนเมืองอุบัติภัยที่พบมักเป็นอุบัติภัยตามท้องถนน ซึ่งทำให้เกิดความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก
ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจาก
1.ความประมาท
2.การดื่มสุรา
3. จำนวนผู้ต้องการเดินทางในเมืองมีมากขึ้น
4.ความขัดข้องของยานพาหนะ  เป็นต้น
7.ปัญหาจิตสำนึกของสังคม
            จิตสำนึกสาธารณะก็คือจิตสำนึกของสังคม ที่ถ่ายทอดสืบต่อกันมาตราบเท่าที่ยังมีการดำรงอยู่ของสังคม ท่ามกลางกระแสเปลี่ยนแปลงอันเนื่องมาจากการปฏิวัติอุตสาหกรรม ความก้าวหน้าของอุตสาหกรรม ที่มาควบคู่กับการเจริญทางเทคโนโลยีและการเจริญเติบโตของเมือง ทำให้วิถีชีวิตในแบบชุมชนดั้งเดิมถูกผลกระทบไปด้วย ทั้งเรื่องวิถีชีวิตและการอพยพเคลื่อนย้ายแรงงาน ย่อมกระทบถึงการดำรงอยู่ของสังคมในรูปแบบเดิมๆ และกระทบถึงจิตสำนึกของสังคมด้วย ก่อให้เกิดปัญหาเรื่องจิตสำนึกสาธารณะจากวัฒนธรรมปัจเจกชน
8.ปัญหาด้านจิตใจ
สาเหตุความเครียดในชุมชนเมือง จากสภาวะแวดล้อมในเมือง ทำให้เกิดความเครียดได้ในลักษณะที่เรียกว่า ร่างกายเครียดจากการที่ร่างกายกับจิตใจมีความเกี่ยวข้องกัน แยกจากกันไม่ได้ การเกิดความเครียดทางร่างกายย่อมส่งผลให้จิตใจเครียดตามด้วย ซึ่งปัจจัยทางร่างกายที่ก่อให้เกิดความเครียด ได้แก่
- ความเหนื่อยล้าทางร่างกาย ในชุมชนเมืองนั้นชีวิตที่เร่งรีบและการแข่งขัน ทำให้เกิดการทำงานอย่างหนัก และติดต่อกันเป็นเวลานาน เกี่ยวเนื่องมาจากสภาพความสมบูรณ์แข็งแรงของร่างกายที่จะทำให้แต่ละคนมีความพร้อมในการทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันแตกต่างกัน
- ภาวะโภชนาการได้แก่ ลักษณะนิสัยการรับประทานอาหารที่จะมีผลต่อความสมบูรณ์แข็งแรงของร่างกาย การรับประทานอาหารไม่ถูกส่วน ไม่ถูกสุขลักษณะ การรับประทานอาหารไม่เพียงพอหรือมากเกินไป ซึ่งเกิดจากชีวิตที่เร่งรีบในชุมชนเมือง การใช้หรืออาการบริโภคสารบางประเภท อาทิ สุรา บุหรี่ ชา กาแฟ ตลอดจนสารเสพติดต่างๆ เหล่านี้ ล้วนทำให้เกิดความเครียดได้

ท้องผูกอยู่ใช่ไหม เลี่ยงเลยอาหาร10อย่างนี้


     ท้องผูกอยู่ใช่ไหม เลี่ยงให้ไกลเลยอาหาร 10 อย่างนี้

              ท้องผูก ถ่ายยาก มีปัญหากับระบบขับถ่ายเป็นประจำ อาจต้องแก้อาการท้องผูกด้วยการเลือกกินอาหารให้ถูกจริต
              อาการท้องผูกเกิดขึ้นได้กับทุกคน อยู่ที่ว่าระบบขับถ่ายของใครจะเกเรได้มากกว่ากัน แต่ทั้งนั้นทั้งนี้อาการท้องผูกก็เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการรับป­ระทานอาหารของเราโดยตรงด้วยนะคะ ฉะนั้นหากคุณก็เป็นคนหนึ่งที่ท้องผูกบ่อย ๆ แถมถ่ายก็ยากอีกต่างหาก ลองเลี่ยงอาหารเหล่านี้สิ แล้วมาดูกันว่าชีวิตจะดีขึ้นไหม
     1. ช็อกโกแลต

              ช็อกโกแลตเป็นตัวโกงในที่นี้ก็เพราะความอุดมสมบูรณ์เกินไปของไข­มันนั่นเอง โดยไขมันจะเข้าไปขัดขวางการทำงานของระบบย่อยอาหาร ส่งผลให้ลำไส้แปรปรวน ยิ่งเฉพาะกับคนที่มีภาวะ IBS (Irritable Bowel Syndrome) หรือภาวะที่ลำไส้มีการทำงานผิดปกติอยู่แล้ว หากกินช็อกโกแลตเข้าไปจะยิ่งทำให้ถ่ายยากมากขึ้น
     2. ผลิตภัณฑ์จากนม
              ผลิตภัณฑ์จากนมโดยเฉพาะชีส เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีแลคโตสสูง และแลคโตสตัวนี้นี่ล่ะที่เป็นสาเหตุของการมีแก๊สในกระเพาะและทำ­ให้ท้องอืด ซึ่งก็กระทบไปถึงการทำงานของลำไส้และกระบวนการชำระของเสียออกจา­กร่างกาย ดังนั้นคนที่ดื่มนมหรือบริโภคผลิตภัณฑ์จากนมมากเกินไป อาจเกิดอาการท้องผูกหรือท้องไส้แปรปรวนได้
     3. เนื้อแดง

              เนื้อแดงหมายถึงเนื้อวัว เนื้อแกะ และเนื้อลูกแกะ ซึ่งเป็นหมวดเนื้อสัตว์ไขมันสูง อีกทั้งโปรตีนของเนื้อประเภทนี้ยังเป็นโปรตีนที่ร่างกายเราย่อย­ลำบาก ดังนั้นหากบริโภคเนื้อแดงเกินพิกัดโดยที่ไม่กินผักผลไม้ร่วมด้ว­ยเลย แน่นอนว่าคุณต้องเจอภาวะท้องอืด จุกเสียดแน่น และท้องผูกชัวร์ ๆ
     4. กล้วยดิบ

              กล้วยที่ยังไม่สุกงอมได้ที่จะมีปริมาณแป้งมาก อีกทั้งเป็นแป้งประเภทที่ร่างกายไม่ค่อยจะยอมย่อยสักเท่าไร นอกจากนี้กล้วยดิบยังมีไฟเบอร์ที่เรียกว่า เพคติน ซึ่งเป็นไฟเบอร์ชนิดดูดน้ำจากลำไส้ออกไปจากร่างกายด้วย ดังนั้นหากคุณมีภาวะขาดน้ำหรือดื่มน้ำน้อยเป็นปกติอยู่แล้ว กล้วยดิบก็เป็นอาหารที่ควรเลี่ยงอย่างแรง เพราะนอกจากจะทำให้ระบบขับถ่ายพังแล้วยังทำให้รู้สึกอ่อนเพลียจ­ากภาวะขาดน้ำด้วยนะ
     5. คาเฟอีน

              คาเฟอีนที่มีอยู่ในเครื่องดื่มประเภทกาแฟ ชาดำ และช็อกโกแลต ล้วนแต่เป็นสาเหตุหนึ่งของอาการท้องผูกเช่นกัน เนื่องจากคาเฟอีนมีฤทธิ์แย่งน้ำจากร่างกายของเรา และทำให้ลำไส้ปรวนแปรได้มากพอสมควร ฉะนั้นหากวันไหนดื่มชา กาแฟหนัก ๆ แล้วเกิดอาการท้องเสียหรือท้องผูกจนละเหี่ยใจ ให้รู้ไว้เลยว่านี่แหละผลพวงจากคาเฟอีนที่เล่นคุณเข้าให้แล้ว
     6. อาหารหวาน ๆ

              อาหารหวานและน้ำหวานทุกชนิดมีน้ำตาลและไขมันแอบแฝงอยู่มาก และเจ้า 2 ตัวนี้นี่ละทีเด็ดของอาการท้องผูกและเป็นสาเหตุที่ทำให้ระบบขับ­ถ่ายรวนเร เนื่องจากน้ำตาลและไขมันจะเข้าไปรบกวนน้ำและไฟเบอร์ในร่างกายเร­า จนไฟเบอร์และน้ำเหลือน้อยนิด ไม่เพียงพอต่อการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพของระบบขับถ่าย
     7. ฟาสต์ฟู้ด

              อาหารหน้าเดิม ๆ ที่ส่งผลกระทบกับสุขภาพของเราหลายด้าน ทั้งมีคอเลสเตอรอลสูงจนเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคอ้วนก็น่าเป็นห่วง และยังมีเอี่ยวกับการทำงานอันผิดปกติของระบบขับถ่ายด้วย เนื่องจากฟาสต์ฟู้ดมีปริมาณไขมันและเป็นอาหารที่ผ่านกระบวนการท­างเคมีมามาก ดังนั้นร่างกายเราเลยย่อยไม่ค่อยไหว คราวนี้ก็เลยเกิดภาวะท้องผูกเลยน่ะสิ
     8. อาหารที่มีธาตุเหล็กสูง

              ธาตุเหล็กเป็นสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้เกิดภาวะท้องผูกอยู่่แล้ว ฉะนั้นหากคุณเป็นคนที่ขับถ่ายง่ายมาโดยตลอด แต่เกิดอาการท้องผูกขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ ลองเดาดูซิว่าพักนี้คุณจัดหนักอาหารประเภทเครื่องในสัตว์ ตับ หอยแมลงภู่ หอยนางรม หรือวิตามินและอาหารเสริมที่มีธาตุเหล็กสูงบ้างหรือเปล่า เพราะอาหารเหล่านี้นี่แหละตัวการ
     9. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์

              เครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีกระบวนการผลิตที่เกิดจากการหมักของข้าวข­าว น้ำตาลทรายขาว ยีสต์ แป้งขัดสี หรือแม้แต่เบกกิ้งโซดา ซึ่งทั้งหมดเป็นอาหารที่ร่างกายย่อยลำบาก จึงทำให้การขับถ่ายดูเป็นเรื่องยากไปด้วย
     10. เบเกอรี

              ขนมปังทุกชนิดที่ทำมาจากแป้งขัดสี ยีสต์ เบกกิ้งโซดา น้ำตาลทรายขาว และข้าวขัดสีล้วนแต่เป็นอาหารที่ลำไส้ไม่ค่อยปลื้มสักเท่าไร เลยไม่ยอมย่อยจนขับออกยากซะอย่างนั้น
              อาหารเหล่านี้จริง ๆ ก็มีประโยชน์กับร่างกายอยู่บ้าง หรือบางชนิดก็มีประโยชน์กับร่างกายไม่น้อยเลยล่ะ ทว่าหากตอนนี้คุณกำลังมีปัญหากับระบบขับถ่ายอยู่ก็ควรห่างกันสั­กพักกับอาหารทั้ง 10 อย่าง หรือหากไม่อยากเจอภาวะท้องผูก ถ่ายลำบากก็ควรจำกัดปริมาณการกินให้เหมาะสม รวมทั้งอย่าลืมบริโภคผักผลไม้เด็ดขาดเชียว












    ข้อมูลจาก Kapook.com

5 กิจกรรมฝึกสมอง

5 กิจกรรมฝึกสมอง ถ้าได้ลองแล้วสมองจะเฮลท์ตี้


              สมองเป็นอวัยวะที่ทำงานหนักพอสมควร ยิ่งถ้าต้องเรียนและทำงานทั้งวัน สมองคงอ่อนล้าจนและอาจจะมีประสิทธิภาพถดถอยลงได้ ดังนั้นนิตยสาร happy+ โดยคุณ Bella เลยแนะนำกิจกรรมฝึกสมองมา 5 กิจกรรมด้วยกัน ซึ่งเป็นกิจกรรมน่าสนุกที่ทำไม่ยากอีกด้วยนะ

              เข้าสู่เดือนมิถุนายน กลางปี พ.ศ. 2558 แล้ว คุณผู้อ่านทำตามแผนที่ว่า “ปีนี้เราจะทำอะไรเพื่อให้ชีวิตดีขึ้น” ไปถึงไหนแล้วคะ อยากบอกว่าตัวผู้เขียนเอง พยายามแล้วพยายามอีกก็ยังไม่ได้เริ่มเสียที เช่น ออกกำลังกายให้ได้อาทิตย์ละ 2-3 วัน ไปเที่ยวต่างประเทศปีละ 2 ครั้ง สวดมนต์ก่อนนอนทุกคืน ฯลฯ
    
              อาจจะเป็นเพราะวุ่น ๆ อยู่กับการทำงาน จนไม่มีเวลาให้กับสิ่งที่ตั้งใจอยากทำ (หาข้อแก้ตัว ปลอบใจตัวเอง) วันไหนทำงานหนัก เลิกดึก สมองก็มักจะเหนื่อยล้าอยากพักผ่อนไม่แพ้ร่างกายของเราเลย ส่งผลอย่างต่อเนื่องให้เช้าอันสดใสกลับขุ่นมัวเหมือนมีกลุ่มเมฆ­บาง ๆ โรยตัวอยู่รอบ ๆ ศีรษะ ไม่เคลียร์ ไม่แจ่มชัด จึงอยากแนะนำให้ผู้อ่านทุกท่านดูแลสมองของเราให้กระปรี้กระเปร่­า ปลอดโปร่งอยู่ตลอดเวลา เพื่อสุขภาพที่ดีของร่างกาย ลองทำตามกันดูนะคะ 
    


     ทำกิจกรรมศิลปะ 
    
              เป็นการฝึกในเรื่องของความคิดสร้างสรรค์ เพราะศิลปะเป็นเรื่องที่ทำให้ความสนุกสนาน ท้าทาย และเปิดให้สมองซีกขวาของเราทำงานได้อย่างเต็มที่ เดี๋ยวนี้มีสมุดระบายสีสำหรับผู้ใหญ่วางขาย เวลาว่างหยิบออกมาแต่งแต้มสีสัน นอกจากจะช่วยผ่อนคลายอารมณ์แล้ว ยังได้บริหารสมองอีกด้วยค่ะ



     คิดเลขด้วยตัวเอง 
    
              เรามักคุ้นชินกับการใช้เครื่องคิดเลขในการคำนวณต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน ลองเปลี่ยนมาคิดเลขด้วยตัวเองดูบ้าง เช่น ตอนเดินซื้อของในตลาด หยิบจ่าย รับเงินทอน บวกรวมของที่ซื้อมาก็ดีนะคะ หรือจะซื้อเกมลับสมองอย่าง ซูโดกุ (การเติมตัวเลขในแนวตั้ง แนวนอนในพื้นที่ 3x3 6x6 9x9) มาเล่นก็เพลินไปอีกแบบ



     ร้องเพลงโปรด 
    
              การร้องเพลงก็เป็นอีกหนึ่งการบริหารสมองที่ดี หากมีโอกาสอย่ารอช้า รีบคว้าไมค์ร้องตามทำนองเพลง สร้างความสนุกสนานครื้นเครงกันได้เลยค่ะ



     เล่นดนตรี 
    
              เลือกเครื่องดนตรีที่ชอบขึ้นมาเล่นสักชิ้น ไม่ว่าจะดีด สี ตี เป่า ทำให้วันว่าง ๆ เกิดประโยชน์ แถมสมาธิยังดีขึ้น เพราะเราจดจ่อต่อโน้ตดนตรีต่าง ๆ อีกด้วย



     อ่านหนังสือ 
    
              ช่วยให้สมองของเราได้ทำงานทั้งด้านการจำและจินตนาการ ยิ่งได้อ่านหนังสือประเภทกวีหรือบทกลอนก็ยิ่งดีต่อสมอง ซึ่งสามารถเลือกได้ ไม่จำกัดแนว



     เล่นหมากกระดาน 
    
              เกมจำพวกหมากฮอต หมากรุก หมากล้อม โกะ เป็นการเล่นเกมเพื่อหาวิธีชนะคู่แข่ง ทำให้สมองของเรามีการทำงานอย่างเต็มที่ ทั้งในด้านการวางแผน การจัดการ ตรรกะและเหตุผล ถือเป็นวิธีบริหารสมองที่ดีวิธีหนึ่งเลยทีเดียว

              เห็นอย่างนี้แล้ว คิดเหมือนกันไหมคะว่าเป็นวิธีบริหารสมองที่ง่ายมากเหมาะกับทุกค­น ฉะนั้นอย่ารอช้า รีบเลือกวิธีที่ถูกใจแล้วลงมือทำกันเลยดีกว่าค่ะ อย่าปล่อยให้สมองของเราส่งสัญญาณเตือนว่าไม่ไหวแล้ว ลงมือทำก่อน ย่อมเกิดประโยชน์ต่อตัวเองอย่างแน่นอน ว่าแล้วผู้เขียนขอตัวไปเดินเลือกหนังสือดี ๆ สักเล่ม อย่าง happy+ มาเป็นอาหารสมองก่อนนะคะ













    รียบเรียงโดย kapook.com

    ขอขอบคุณข้อมูลจาก 

Copyright © Muthita Phetmuangmai | Suratpittaya School